หลังจากประเมินพัฒนาการแล้ว นักกิจกรรมบำบัดวิเคราะห์ปัญหาที่ส่งผลต่อพัฒนาการ วางแผนการบำบัดรายบุคคลและกระตุ้นพัฒนาการที่ต่อเนื่อง(intensive) ด้วยความถี่ที่เหมาะสม เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการกระตุ้นพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เช่น เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า ไม่พูด/พูดช้า ไม่สบตา ซน อยู่ไม่นิ่ง คล้ายสมาธิสั้น ก้าวร้าว/อารมณ์แปรปรวน มีพฤติกรรมต่อต้าน ไม่ชอบไปโรงเรียน ไม่ชอบเข้าสังคม เด็กกินยาก กระตุ้นดูดกลืน ฝึกกลืนอาหาร ออทิสติก สมาธิสั้น ดาวน์ซินโดรม โรคสมองพิการ
สำหรับเด็กในช่วงอายุ 6-8 เดือน เหมาะสำหรับเด็กที่ยังไม่คลาน ช่วยพัฒนาทักษะด้านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแขน ขา ลำตัว และการทรงตัว หลังจากประเมินพัฒนาการแล้วนักกิจกรรมบำบัดจะออกแบบโปรแกรมให้เหมาะสมกับอายุ พัฒนาการ และความพร้อมของเด็กแต่ละราย
นักกิจกรรมบำบัดใช้หลักการพัฒนาการประสาทมนุษย์(Neurodevelopment) ทฤษฎีการบูรณาการประสาทความรู้สึก(Sensory Integration) และทฤษฎีอื่นๆร่วมกันในการตรวจประเมิน ให้การบำบัดรักษากับเด็ก และเครื่องมือสำคัญนักกิจกรรมบำบัด คือ การนำเอากิจกรรมของเด็ก ก็คือ “การเล่น” มาวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ในการบำบัด รักษา ทำให้เด็กไม่กังวลเวลาต้องเข้าร่วมโปรแกรมฝึก
ข้อดี การฝึกพัฒนาการแบบต่อเนื่อง(intensive) เช่น
- เด็กได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ อย่างรวดเร็ว
- เด็กได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
- เด็กได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาการ
- เด็กได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างตรงจุด
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นสัญญาณพัฒนาการล่าช้าไม่สมวัย ควรพาไปพบแพทย์หรือนักกิจกรรมบำบัด เพื่อประเมินพัฒนาการและหาสาเหตุของพัฒนาการล่าช้า แพทย์หรือนักกิจกรรมบำบัดจะใช้เครื่องมือมาตรฐานในการทดสอบพัฒนาการ การสังเกตพฤติกรรม และการสัมภาษณ์คุณพ่อคุณแม่เพื่อประเมินพัฒนาการของเด็ก หากพบว่ามีพัฒนาการล่าช้าไม่สมวัย จะได้รับวางแผนการบำบัดที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
“ เด็กควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการอย่างทันท่วงที เพื่อได้รับโอกาสกระตุ้นพัฒนาการให้ใกล้เคียงกับเด็กวัยเดียวกัน และเติบโตไปอย่างมีความสุข ”